ผู้แข่งขัน 512 คน Headliner 60 ตัว กับแชมเปี้ยนเพียง 1 เดียว ยินดีต้อนรับสู่ Teamfight Tactics Vegas Open โฉมใหม่ล่าสุดของ TFT Esports ในวันที่ 8 ธันวาคม 2023 ผู้เล่น TFT ที่ดีที่สุดจากทั่วโลกทั้ง 512 คนจะมานั่งรวมกันในลาสเวกัส ถูกแบ่งออกเป็น 8 ล็อบบี้ และเข้าประชันกันใน TFT เซ็ต 10: Remix Rumble โดยพวกเขาจะเข้าแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งเงินรางวัลสูงสุดกว่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ และผู้ชนะก็ยังจะได้รับอีโมตเฉพาะสุดพิเศษที่ไม่มีผู้เล่นใดจะสามารถหามาครอบครองได้ไปครอง 

“TFT Vegas Open คือความพยายามครั้งแรกของเราในการทำกลยุทธ์ด้านอีสปอร์ตของ TFT ที่ต่างไป ซึ่งจะเป็นการเฉลิมฉลองให้กับใครก็ตามที่มาร่วมแข่งขันและได้กลายเป็นแชมเปี้ยนแห่ง TFT” Michael Sherman หัวหน้าฝ่ายระดับโลกของ TFT, Legends of Runeterra และ Project L Esports กล่าว “ผู้เล่นจะเข้าแข่งขันกันเป็นเวลาสามวันในแมตช์ที่เรียกได้ว่ามีเดิมพันสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TFT”

แม้ว่าผู้แข่งขันบางคนจะเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วในโลกสตรีมมิ่งของ TFT รวมถึงอีเวนต์การแข่งขันในอดีต แต่ก็ยังมีผู้เล่นอื่นอีกเพียบในระดับ Master ถึง Challenger ที่จะได้ออกมาเฉิดฉายเป็นครั้งแรกในลาสเวกัสแห่งนี้

รูปแบบการแข่งขัน Vegas Open นั้นเป็นอะไรที่ใหม่เอี่ยมสำหรับ TFT แต่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมวางแผนกลยุทธ์ งานฉลองในคอมมูนิตี้อีสปอร์ต และอีเวนต์ระดับพรีเมียร์ของลาสเวกัสมากมาย และนี่ก็คือ Mortdog ที่จะมาสรุปเพิ่มเติมให้กับคุณ: 

หากคุณอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับรูปแบบการแข่งขัน การนับคะแนน และอีเวนต์อื่น ๆ นอกเหนือจากอีเวนต์หลัก เช่นนั้นบทความนี้ก็จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน ในส่วนนี้เราจะเปิดเผยเพิ่มเติมว่างาน Vegas Open นั้นถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง และพนักงาน Riot ไปเอาแรงบันดาลใจมาจากไหนบ้างเพื่อทำให้อีเวนต์นี้มีชีวิตขึ้นมา

แล้วสรุป TFT Vegas Open คืออะไร? 

เอาแบบง่าย ๆ ก็คืออีเวนต์อีสปอร์ตของ TFT ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

“ในช่วงปีแรก ๆ ของ TFT Esports เราได้ลองเอารูปแบบการแข่งขันหลาย ๆ แบบมาใช้” Sherman กล่าว “เกมต่อสู้อัตโนมัติถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของเกมประเภทวางแผน แถมยังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้เล่นเกมวางแผนกลยุทธ์ เพราะงั้นเราเลยตั้งใจที่จะหารูปแบบการแข่งขันที่ทั้งสดใหม่ ทั้งสามารถเข้ากันได้กับความพิเศษและความซับซ้อนที่ TFT กับแนวเกมแบบนี้นำเสนอออกมา”

แล้วพวกคุณมีวิธีอย่างไรจะผสมเรื่องทักษะเข้ากับเรื่องดวง? ทำยังไงถึงจะสามารถจัดสมดุลระหว่างการเล่นยืดหยุ่นแบบเฉียบ ๆ กับการโรลสุดดวงดีจนได้ Headliner เป๊ะ ๆ ตามต้องการ? และพวกคุณมีวิธีไหนที่จะใช้นำเสนอเกมที่เจ๋งที่สุด ในขณะที่มีหลายเกมดำเนินอยู่ไปพร้อม ๆ กัน?

“ในอีเวนต์อีสปอร์ตส่วนมาก การถ่ายทอดสดถือเป็นตัวกำหนดจังหวะของอีเวนต์นั้น ๆ” Sherman กล่าว “แต่ Vegas Open จะต่างออกไป อีเวนต์จะเกิดขึ้นก่อนแล้วการถ่ายทอดสดจะตามมาทีหลัง ดังนั้นในเดือนมกราคมเราเลยคิดกันว่า ‘พวกเราจะถ่ายทอดสดมุมมองผู้เล่นทั้ง 500 คนได้ยังไง? โอเค แบบนั้นอาจจะหนักเกินไปหน่อย แล้วถ้าเป็น 32 เกมพร้อมกันล่ะ? แบบนี้ก็อาจจะพอไหว ดังนั้นตอนนี้การถ่ายทอดสดของเราจึงจะครอบคลุมครึ่งหนึ่งของเกมที่เล่นในวันแรก และพอถึงวันที่สองทุก ๆ เกมก็จะเปิดให้รับชมได้ทั้งหมด เพราะงั้นคุณก็สามารถเปิดช่องหลักบนจอหนึ่ง และก็เปิดดูเพื่อน ๆ ในระดับ Master หรือ Challenger หรือสตรีมเมอร์คนโปรดในอีกจอได้พร้อม ๆ กัน”

สำหรับคนที่อยากเข้ามารับชม ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 10 ธันวาคม เราจะมีไลฟ์สตรีมบนช่อง Twitch และ YouTube ของ TFT เริ่มตั้งแต่เวลา 15:00 น. ของแต่ละวันตามเวลาประเทศไทย

“แน่นอนว่าเราอยากให้ผู้เล่นทั้งดูและมีส่วนร่วมไปด้วยกัน แต่จริง ๆ แล้วคือเราอยากให้ผู้เล่นได้เข้ามารับชมงาน TFT Open แล้วก็รู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ของเกมนี้” Sherman กล่าว “นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เราจัดอีเวนต์ประเภทนี้ ดังนั้นเราก็จะเปิดรับข้อเสนอแนะแบบเต็มที่อย่างแน่นอน และหวังว่าผู้เล่นจะสนุกไปกับการรับชมอีเวนต์นี้นะ”

เสียงตอบรับในตอนแรกนั้นล้นหลามมาก ๆ เพราะพาสของผู้เข้าชมและผู้เข้าแข่งขันต่างก็ขายหมดเพียงราว ๆ สิบนาทีนับตั้งแต่เปิดขาย นอกจากนั้นทีมอีสปอร์ตต่าง ๆ ก็เข้ามามีส่วนร่วมกับเราด้วย อย่างเช่น Disguised องค์กรอีสปอร์ตของ Disguised Toast ที่ได้ส่งกลุ่มสตรีมเมอร์ชื่อดังมาเข้าร่วมแข่งขันในลาสเวกัสเช่นกัน

แล้วงาน TFT Vegas Open มันมีที่มาที่ไปยังไง? 

“เรื่องราวของ TFT เริ่มจากการปล่อยตัวเซ็ตแรกในปี 2019 และผู้เล่นก็ชอบกันมาก ๆ จากนั้นเซ็ตสองก็คือการปรับเปลี่ยนจากโหมด ๆ หนึ่งใน League ให้กลายเป็นเกมที่แยกออกมาเป็นตัวของตัวเอง จากนั้นพอเซ็ตสามปล่อยตัว ก็คือตอนนั้นแหละที่ TFT ได้ฝังรากของตัวเองในฐานะเกมแบบแยกเดี่ยวจริง ๆ” Sherman กล่าว “และพอถึงช่วงนั้น โควิดก็เข้ามาปิดกั้นทั้งโลก ดังนั้นแก่นหลักของ Vegas Open ก็คือการหาวิธีจัดอีเวนต์ที่จะเฉลิมฉลองได้แบบจริงจังให้กับคอมมูนิตี้ รวมถึงฉลองให้กับพัฒนาการในช่วงหลายปีของเกมนี้ เพื่อทดแทนวันเวลาที่เราไม่สามารถจัดอีเวนต์ถ่ายทอดสดได้บ่อย ๆ?” 

และผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาเป็นทัวร์นาเมนต์แบบ Open Bracket ที่เริ่มต้นด้วยผู้เล่น 512 คนและจบลงที่แชมเปี้ยนเพียงหนึ่งเดียวภายในการแข่งขันทั้งสามวัน แต่ในระหว่างที่ทัวร์นาเมนต์หลักดำเนินต่อไป เราก็จะมีอีเวนต์รองอีกเพียบสำหรับผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบไปแล้วและเหล่าผู้เล่นที่ไม่สามารถคว้าตั๋วเข้าไปในอีเวนต์หลักได้ โดยอีเวนต์เหล่านี้จะประกอบด้วยงานพบปะพูดคุยกับผู้พัฒนาและอินฟลูเอนเซอร์ งานแถลงข่าวของผู้พัฒนา และมินิเกมสนุก ๆ อีกมากมาย 

“ในส่วนนี้เราได้แรงบันดาลใจมาจากหลายอย่างมาก หนึ่งในนั้นก็คืองาน Chess ที่มีทัวร์นาเมนต์แบบ Open ขนาดใหญ่” Sherman กล่าว “แต่รูปแบบที่เราอยากให้อีเวนต์นี้ออกมาเป็นก็คือสไตล์เดียวกับงาน EVO ที่เป็นอีเวนต์ประจำปีของ FGC ที่มีการแข่งขันในระดับสูงสุด แต่สำหรับคนส่วนมากก็ไม่ได้เน้นขนาดนั้นว่าใครจะแพ้หรือชนะ ดังนั้นเราเลยอยากให้อีเวนต์นี้กลายเป็นทั้งงานใหญ่ในลาสเวกัสและก็กลายเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของคอมมูนิตี้แบบที่งาน EVO เป็นสำหรับ FGC มาแล้วหลายปี”

งาน EVO ซึ่งจัดขึ้นในทุกปีนับตั้งแต่ยุค 90 นั้นถูกก่อตั้งขึ้นโดยผู้อำนวยการผลิต Project L อย่าง Tom Cannon และได้กลายเป็นจุดสูงสุดของอีเวนต์เกมต่อสู้ที่มีผู้คนหลายพันคนมาเข้าร่วมแข่งขัน รับชม และแบ่งปันความชอบใน FGC ร่วมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ 

“แม้ว่า EVO จะอยู่บนจุดสูงสุดแต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนผ่านทัวร์นาเมนต์ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และทัวร์นาเมนต์ขนาดใหญ่ในตลอดทั้งปีด้วย” Sherman กล่าว “ผมคิดว่านี่จะเป็นทิศทางที่สร้างผลกระทบได้จริง ๆ สำหรับเกมอย่าง TFT ดังนั้นคำถามก็คือ อีเวนต์นี้จะสามารถกระตุ้นความตื่นเต้นแบบนั้นจากผู้เล่นได้ไหม และถ้าทำแบบนั้นได้จริง ๆ เราจะพัฒนามันต่อเนื่องไปได้อย่างไร”

ถึงแม้เมืองโอเอซิสทะเลทรายแห่งนี้จะมีชื่อเสียงโด่งดังในแทบทุกอย่างนับตั้งแต่วง Rat Pack ไปจนถึงน้ำพุ Bellagio แต่เมืองนี้ก็ยังคงเติบโตขึ้นทุกวันในฐานะแถวหน้าของวงการความบันเทิง 

“พอคุณหันไปมองที่ The Sphere หรือมองไปที่สนามฟุตบอลสนามใหม่ ลาสเวกัสก็ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางของความบันเทิงไม่เคยเปลี่ยนไป” Michael กล่าว “ทุกอย่างเริ่มต้นจากคาสิโน ซึ่งก็ยังเป็นจุดสำคัญอยู่ แต่เมืองนี้ก็ยังคงขยับขยายความน่าสนใจออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นในตอนที่เราคิดถึงผู้เล่นที่จะซื้อตั๋วแล้วออกมาเข้าร่วมแข่งขันกับเรา เราก็อยากทำให้มั่นใจด้วยว่าพวกเขาจะรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปและต้องเป็นสถานที่ที่คนอยากมาด้วย” 

ด้วยการแข่ง F1 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เกม NBA All-Star ในช่วงสุดสัปดาห์ และศิลปินมากมายที่ผลัดกันขึ้นเวทีในเมืองอยู่ตลอดเวลา ความบันเทิงในลาสเวกัสนั้นก็ไม่เคยขาดสายอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน สำหรับ TFT ที่เป็นเกมซึ่งผสานทักษะเข้ากับดวง ลาสเวกัสก็คือที่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคิดถึงธีมของเซ็ต 10 และอิทธิพลด้านดนตรีของมัน 

Remix Rumble ถือเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมงาน TFT ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมาในแต่ละเซ็ต อัปเดตกลางเซ็ต และฮ็อตฟิกซ์ต่าง ๆ ที่ mortdog ทำมาตลอดในช่วงหลายปี แต่เป้าหมายของเราก็คือการทำให้ Remix Rumble กลายเป็นเซ็ตที่พิเศษที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TFT โดยการนำเข้าดนตรีประกอบ การร่วมมือกับ Steve Aoki และสร้างคอมพ์ที่สร้างสรรค์และยืดหยุ่นที่สุดที่ TFT เคยมีมา

“Remix Rumble คือความทะเยอทะยานครั้งใหญ่ที่สุดของ Riot ในการทำให้เกิดเซ็ตที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นที่สุดที่เคยมีมาใน TFT” Sherman กล่าว “แต่เดิมแล้ว เราคิดว่าอีเวนต์นี้จะเข้ามาแทนที่ Set 9 Championship เพราะอีเวนต์อีสปอร์ตของเรามักจะจัดขึ้นในตอนสิ้นสุดเซ็ต และเราก็รู้ดีว่างานนี้จะจัดขึ้นในตอนใกล้จบปี 2023 แต่หลังจากนั้นเราก็คิดได้ว่าเราควรทำให้มันกลายเป็นอีเวนต์เปิดตัวสำหรับ Remix Rumble และก็รู้ได้ทันทีว่าไทม์ไลน์แบบนี้นั้นได้ผลดีกว่ามากเพราะตอนนี้เมต้ามันยังคงไม่นิ่งนัก แถมผู้เล่นก็ยังวิเคราะห์เซ็ตใหม่นี้ได้ไม่หมดจดด้วย และเราก็คิดว่าเราน่าจะได้เห็นการพัฒนาของเมต้าแบบสด ๆ กันในช่วง 3 วันนี้ของ Vegas Open”

ในตอนนี้ที่ TFT ได้สับเปลี่ยนจากการอัปเดตกลางเซ็ตไปเป็นเซ็ตแบบแยกเดี่ยว ช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของเซ็ตใหม่เลยจะกลายเป็นช่วงที่มีแววให้ได้ทดลองและวางกลยุทธ์แบบใหม่ ๆ กันมากมาย ด้วยผู้แข่งขันกว่า 512 คนจากคอมมูนิตี้ TFT ทั่วโลก เราก็เชื่อว่างาน TFT Vegas Open นั้นจะมีวิธีการเล่นและเมต้าแบบพิเศษมานำเสนอ เพราะเหล่าผู้เล่นจะนำสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขามาจัดเต็มกันในอีเวนต์นี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นหากคุณเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันทั้ง 512 คนล่ะก็ เราหวังว่า Convergence จะไม่โหดร้ายกับคุณเกินไปนะ แต่หากคุณเป็นหนึ่งในผู้เข้าชม งั้นก็ไว้เจอกันในงานนะ และหากคุณดูอยู่บ้าน เราก็หวังว่าคุณจะสนุกไปกับก้าวใหม่นี้ของ TFT Esports

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ TFT เซ็ต 10: Remix Rumble