ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของเม็กซิโกซิตีคือ Estación Indianilla โรงงานผลิตไฟฟ้าเก่าที่ยังคงมีเครื่องปั่นไฟขนาดยักษ์สองเครื่องอยู่ภายใน ซึ่งตอนนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรม พื้นที่จัดอีเวนต์ และตอนนี้ก็รวมถึงงาน House of Worlds
“House of Worlds คือปาร์ตี้รับชมขนาดยักษ์ภายใต้พื้นที่จัดงานอันสวยงาม” Mariano Vives ผู้อำนวยการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ประจำ Riot Games ละตินอเมริกาและส่วนสำคัญในการทำให้งานนี้เกิดขึ้น “ที่นี่คือโรงงานไฟฟ้าที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบโรงงานแม้กระทั่งหลังจากถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ยอดนิยม และภายในเดือนเดียวหลังจากที่เราตัดสินใจจะทำสิ่งนี้ เราก็ได้เปลี่ยน Estación Indianilla ให้กลายมาเป็น House of Worlds ในที่สุด”
House of Worlds ซึ่งจัดขึ้นโดย Rioter ในเม็กซิโกซิตีในครั้งนี้เป็นดั่งพินัยกรรมสำหรับทั้งวัฒนธรรมเม็กซิกัน ผู้เล่นในละตินอเมริกา และความหลงใหลของทุกคนในภูมิภาคนี้ มีทั้งภาพกราฟฟิตี้ True Damage ที่ถูกลงสีสดใสไว้ด้วยฝีมือศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดังของเม็กซิโก
Fiddlesticks และ Morgana เองก็แสดงตัวอยู่ในชุด Star Guardian เต็มยศ ตั้งอยู่ระหว่างเครื่องปั่นไฟขนาดยักษ์โดยมีส่วนหัวและไหล่ของ Fiddlesticks แขวนอยู่ด้านบนอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้แล้วเหล่านี้
“เพื่อเฉลิมฉลองให้กับ Star Guardian เรายังได้สร้างวิดีโอคอสเพลย์ Star Guardian ของ Morgana และ Fiddlesticks ขึ้นมา เพราะคอสเพลย์ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในละตินอเมริกา” Mariano กล่าว “คุณสามารถขยับไปมาได้ทั้ง ๆ ที่มันใหญ่ขนาดนั้น คุณแค่ต้องใส่เกราะลงไปจากนั้นก็ขยับมันโดยใช้แท่งที่ติดอยู่กับแขนพวกนั้น เหมือนกับเอาด้ายมาติดนิ้วมือเลยใช่ไหมล่ะ”
นอกจากนั้นยังมีบริการสักชั่วคราว ทำสีเล็บ และอื่น ๆ อีกมากมาย รูปปั้นทั้งสองของ Vi และ Jinx เองก็เป็นจุดพักถ่ายรูปยอดนิยม รูปปั้นทั้งสองถูกสร้างขึ้นโดยนักทำของเล่นท้องถิ่นผู้ที่โดยปกติแล้วจะเน้นไปที่การทำฟิกเกอร์ขนาดเล็ก แต่ครั้งนี้ได้อัปสเกลขึ้นมาจากดีไซน์ปกติของตนให้กลายเป็นรูปปั้นสูง 6 ฟุตเหล่านี้
แต่เมื่อเกมเริ่ม สายตาทุกดวงก็จะจับจ้องไปที่จอขนาดยักษ์ ผู้ชมผู้คลั่งไคล้ League of Legends กว่า 200 คนส่งเสียงดังก้องอย่างกับอยู่กัน 2,000 คน ยังไม่รวมเสียงตีแท่งไฟลั่นอีกด้วยนะ และนั่นก็ก่อนที่ทีมอันดับสูงสุดของละตินอเมริกาอย่าง Isurus Gaming จะเริ่มแข่งกับทีม Saigon Buffalo Esports จากเวียดนามเสียอีก
เมื่อแมตช์เริ่ม เสียงเฮก็สนั่นไปทั่วบริเวณ ในขณะที่ Isurus และ Saigon Buffalos แลกคิลกันไปมาในช่วง 10 นาทีแรก ผู้ชมก็เปล่งเสียงคอแทบแตก แต่น่าเสียดายสำหรับทีมเจ้าบ้าน ไม่นาน Saigon ก็ได้ Ace และอีกหนึ่ง Pentakill ทำให้ Isurus ต้องหลังพิงฝาในที่สุด นั่นคือวินาทีแรกที่ House of Worlds เงียบสงัดในค่ำคืนนี้ แต่ก็ไม่ได้นานนักหรอก
“ช่วงเวลาโปรดของผมคือการได้เห็นผู้ชมมากมายมีความสุขไปกับช่วงจังหวะชีวิตนี้” Mariano กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ Isurus แข่งหรือไม่ได้แข่งก็ตาม สิ่งนั้นไม่สำคัญเลย เพราะพวกเขานั้นใส่พลังงานจัดเต็มตลอด และพวกเขาก็นำพาพลังงานแบบนั้นไปครบทั้ง 8 เกม ซึ่งถือว่ายาวนานมากที่จะรักษาพลังงานแบบนั้นไว้ได้ตลอด”
ตลอดช่วงเวลาของ Worlds ทั้งในสนาม Artz Pedregal และในงาน House of Worlds แฟน ๆ อีสปอร์ตชาวละตินอเมริกานั้นเป็นผู้สนับสนุนที่ทุ่มเทเต็มที่มาโดยตลอด ไม่ใช่กับแค่ Isurus Gaming หรือทีมหรือผู้เล่นโปรด แต่กับทุกเกม League of Legends ระดับสูงของเรา นี่คือสัญญาณของฐานแฟนที่รักเกมนี้จริง ๆ และก็ถูกแสดงออกมาผ่านโอกาสครั้งแรกในการรับชมเกมระดับสูงแบบสด ๆ ในภูมิภาคของพวกเขาเช่นนี้
“เป้าหมายง่าย ๆ ของ House of Worlds ก็คือเราอยากที่จะให้ทุกคนมีโอกาสรับชม Worlds มากขึ้น” Mariano กล่าว “เรามีพื้นที่ไม่พอสำหรับความต้องการของแฟน ๆ ในสนาม Artz Pedregal ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราในการสร้างช่องทางอื่น ๆ ในการรับชมเกมให้กับผู้ชม และ House of Worlds ก็คือผลจากเรื่องนั้น”
House of Worlds จะมีการจัดปาร์ตี้รับชมในทุก ๆ วัน และเมื่อค่ำคืนดำเนินไป คำว่า “ปาร์ตี้” ก็จะยิ่งเห็นได้ชัด
“ผมชอบที่เมื่อคุณมอบอะไรบางอย่างให้กับคอมมูนิตี้ พวกเขาก็จะนำไปทำให้เป็นของตัวเอง” Mariano กล่าว “มีการประกวดคอสเพลย์ที่เราไม่ได้วางแผนให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เผอิญหนึ่งในผู้เล่นที่เข้าร่วมของเราเป็น DJ และเธอก็เริ่มเล่นเพลงขึ้นมา จากนั้นมันก็กลายเป็นปาร์ตี้เต็มสูบไปในที่สุด และผมก็คิดว่ามันช่างคล้ายกับเกมของเราเสียจริง เราสร้างเกมขึ้นมา จากนั้นก็ส่งต่อไปยังคอมมูนิตี้ และพวกเขาก็จะเป็นคนก่อร่างมันขึ้นมาในแบบตัวเอง”
ในขณะที่แฟน ๆ รอบนอกของเม็กซิโกซิตีคอยส่งพลังงานเต็มเปี่ยมอยู่ในสนาม Artz Pedregal แฟน ๆ ใน House of Worlds ก็จะรวมตัวส่งเสียงอยู่ที่ใจกลางเมือง
“Estación Indianilla นั้นตั้งอยู่ห่างออกไปแค่ครึ่งบล็อกจาก Arena Mexico ซึ่งเป็นสนามจัดแสดง Lucha Libre (มวยปล้ำเม็กซิกัน)” Mariano กล่าว “และเพราะLucha คือธีมสำคัญของเราสำหรับ Worlds ในครั้งนี้ มันจึงสำคัญมากที่เราจะต้องอยู่ใกล้กันไว้ Arena Mexico เป็นดั่งเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ มันคือสิ่งที่พิเศษสุด ๆ สำหรับเม็กซิโกซิตี แมตช์ปล้ำ Lucha ที่เกิดขึ้นที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะมีเกิดขึ้นในส่วนอื่นของประเทศ มันคือสิ่งที่มีเฉพาะในเมืองแห่งนี้”
ทั้งงานอาร์ตมากมายจากออฟฟิศเม็กซิโกซิตีที่นำมาประดับประดารอบงาน ทั้งโถงแสดงไฮไลท์ภาพจำของ World ทั้งหน้าจอวิดีโอขนาดยักษ์ให้ทุกสายตาจับจ้อง Estación Indianilla นั้นก็แทบจะเหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย ที่น่าทึ่งมากกว่าก็คือการที่ทีมในเม็กซิโกซิตีสามารถจัดงานนี้ขึ้นมาได้ในเวลาแค่หนึ่งเดือน จากความตั้งใจที่จะทำให้มั่นใจว่าผู้เล่นของเราจะมีโอกาสได้เข้าร่วมประสบการณ์พิเศษสุดสำหรับการรับชม Worlds
“นี่ถือเป็นความตั้งใจร่วมกันของทีม Rioter มือใหม่ของเราในละตินอเมริกา” Mariano กล่าว “Rioter ส่วนใหญ่ของเราที่นี่ล้วนเป็นพนักงานใหม่ Daniella นักเขียนโซเชียลมีเดีย Carla ผู้จัดการฝ่ายอินฟลูเอนเซอร์ และ Gonzalo หนึ่งในทีมสร้างสรรค์ของผมที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่เดือน หากไม่มีพวกเขา งานนี้ก็คงเกิดขึ้นมาไม่ได้ และก็ขอส่งเสียงให้กับทีมที่เหลือด้วยเช่นกัน ผมไม่อยากทิ้งชื่อใครไว้ เพราะนี่ถือเป็นความพยายามครั้งใหญ่ของทีม และทุก ๆ คนก็ช่วยกันจนมันสำเร็จได้ในที่สุด”
อย่าลืมติดตามทุกการเคลื่อนไหวของ Worlds ได้ที่ lolesports.com เพื่อรับรู้กำหนดการล่าสุด การถ่ายทอดสด และอันดับคะแนนปัจจุบันในขณะที่ทีมที่ดีที่สุดในโลกของ League of Legends เดินทางจากเม็กซิโกซิตีไปยังนิวยอร์ก มุ่งสู่แอตแลนตา และไปจบกันที่ซานฟรานซิสโกที่ซึ่งหนึ่งทีมจะได้ฉายา “One and Only” ไปครองในท้ายที่สุด